ฎีกา InTrend ep.61 ปลอมลายมือชื่อเจ้าของบัตรในสำเนาบัตรประชาชนเป็นความผิดฐานใด

เริ่มโดย STAFF, มีนาคม 18, 2022, 11:47:50 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

STAFF

ฎีกา InTrend ep.61
ปลอมลายมือชื่อเจ้าของบัตรในสำเนาบัตรประชาชนเป็นความผิดฐานใด


ฎีกา InTrend ep.61 ปลอมลายมือชื่อเจ้าของบัตรในสำเนาบัตรประชาชนเป็นความผิดฐานใด

The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม

Guest Host :  สรวิศ  ลิมปรังษี

ที่ปรึกษา :  อัครพันธ์ สัปปพันธ์, อรวรานันท์  ธนาพันธ์วรากุล
 
Show Creator : นันทวัลย์  นุชนนทรี, ศณิฏา  จารุภุมมิก
Episode Producer & Editor  : ศณิฏา  จารุภุมมิก, ปนัสยา ชื่นอุระ
Sound Designer & Engineer : กฤตภาส  ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ
Coordinator & Admin : สุภาวัชร์  ดลมินทร์, โสรัตน์  ไวศยดำรง
Art Director  : สุภาวัชร์  ดลมินทร์, ปันจารีณ์ สุวรรณโภชน์ ทศพร  ศิลาบำเพ็ญ
Webmaster  : ผุสชา  เรืองกูล, วชิระ  โรจน์สุธีวัฒน์

     การปลอมเอกสารเป็นความผิดที่เกิดขึ้นอยู่เสมอเมื่อมีผู้ที่ต้องการทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเอกสารที่ทำขึ้นหรือเอาไปใช้นั้นเป็นเอกสารที่ทำโดยบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ทำเอกสารนั้นจริง แต่ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการปลอมเอกสารนั้นมีหลายลักษณะและมีบทลงโทษที่แตกต่างกัน ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในที่นี้จะเป็นกรณีที่มีผู้ปลอมลายมือชื่อของเจ้าของบัตรลงในสำเนาบัตรประชาชนว่าจะถือเป็นความผิดฐานใด

     นายหนึ่งต้องการนำเอกสารไปใช้แสดงว่านายสองที่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของตนมอบอำนาจให้นายหนึ่งลงชื่อกู้ยืมเงินจากนายสามแทนตัวนายสอง เพื่อให้นายสองมีฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมกับนายหนึ่ง นายหนึ่งจึงได้ทำหนังสือมอบอำนาจแล้วลงลายมือชื่อของนายสองไว้ และทำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายสองโดยถ่ายเอกสารจากสำเนาเดิมที่นายหนึ่งมีอยู่แล้วลงลายมือชื่อของนายสองไว้ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวแล้วนำเอกสารเหล่านี้ไปยื่นกับนายสามจนนายสามตกลงยอมให้นายหนึ่งกู้ยืมเงินไปจำนวน 200,000 บาท

     ต่อมานายสามทราบว่านายสองไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายหนึ่งไปกู้ยืมเงิน นายสามจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ พนักงานอัยการได้ฟ้องนายหนึ่งต่อศาล

     การกระทำของนายหนึ่งที่นำเอกสารการมอบอำนาจไปแสดงต่อนายสามเพื่อให้นายสามหลงเชื่อว่านายสองมอบอำนาจให้นายหนึ่งไปทำสัญญากู้ยืมเงินนั้นย่อมถือว่าเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จจนทำให้นายสามหลงเชื่อและทำให้นายหนึ่งได้ทรัพย์สินไปจากนายสามย่อมถือว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงอยู่ในตัวเอง

     แต่ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในตอนนี้คงเป็นในส่วนของการปลอมเอกสารที่นายหนึ่งทำขึ้น การที่นายหนึ่งทำหนังสือมอบอำนาจปลอมและทำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายสองขึ้นแล้วลงลายมือชื่อของนายสองไว้โดยที่นายสองไม่ได้รู้เห็นย่อมเป็นการกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร แต่ประเด็นสำคัญคงเป็นว่าว่าการปลอมเอกสารนี้จะถือว่าถึงขนาดเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการหรือไม่

     จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายสองในกรณีนี้ นายหนึ่งได้มาจากการถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่นายหนึ่งมีอยู่แล้ว นายหนึ่งไม่ได้แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อความในส่วนที่เป็นข้อมูลในบัตรประจำตัวประชาชนแต่อย่างใด สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าวจึงเป็นสำเนาเอกสารที่แท้จริง

     การปลอมเอกสารของนายหนึ่งเป็นการปลอมเฉพาะในส่วนลายมือชื่อของนายสองเท่านั้น การปลอมเฉพาะส่วนนี้จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปลอมเอกสารราชการ และการที่นายหนึ่งนำเอกสารนี้ไปใช้ก็เป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นการใช้เอกสารราชการปลอมด้วย อันจะทำให้โทษที่นายหนึ่งจะต้องรับน้อยลงกว่าการที่จะต้องรับผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม

     กรณีที่มีผู้ปลอมลายมือชื่อของเจ้าของบัตรลงในสำเนาบัตรประชาชนว่าจึงถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรกเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปลอมเอกสารราชการตามมาตรา 265
         
                                                                       (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2563)
Human Resource Development in Thailand. : www.HRd.in.th